วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ภาคต่อแบบนี้จะมีมาทำเพื่อ ? ตอนที่ 2




The Prince & Me 2: The Royal Wedding (รักนายเจ้าชายของฉัน 2 วิวาห์อลเวง)
กำกับโดย แคทเธอรีน ไซแรน แสดง ลุค เมลบลีย์ แคม เฮสกิ้น ไคลเมย์ซี่ มอร์ตัน ฮิลล์
ความเดิมตอนที่แล้ว
ใน The Prince & Me เพจ(จูเลีย สไตล์) นักเรียนไฮสคูลที่วันๆเอาแต่คร่ำเคร่งกับการเรียนด้วยความหวังอันแรงกล้าว่าสักวันเธอต้องเป็นหมอให้ได้ในขณะที่ เอ็ดเวิร์ด (ลุค เมลบลีย์)เจ้าชายแห่งเดนมาร์กตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพื่อค้นหาตัวเอง เขาจึงปลอมตัวเป็นนักเรียนที่มหาลัยเดียวกันกับเพจ แรกเริ่มทั้งสองพบหน้ากันโดยไม่ถูกชะตา แต่สุดท้ายเรื่องราวก็ดำเนินไปตามตำหรับเทพนิยายชวนฝัน


เรื่องย่อในภาค 2 เรื่องราวเริ่มในภาคสอง เล่าถึงการวางแผนแต่งงานระหว่างเพจและเอ็ดเวิร์ดกลับเต็มไปด้วยอุปสรรคเมื่อกฎของราชวงศ์บัญญัติว่าถ้าหากเจ้าชายแต่งงานกับหญิงสามัญชนจะต้องสละราชสมบัติทั้งหมด

สร้างมาทำเพื่อ เพื่อทำลายความเป็นเทพนิยายชวนฝัน ซึ่งหนังภาคแรกก็ไม่ใช่ว่าจะดิบดีขนาดจะต้องสร้างภาคต่อแต่เนื่องจากเสน่ห์อันเปี่ยมล้นของดารานำอย่างจูเลีย สไตล์จึงทำให้หนังภาคแรกกลายเป็นลูกอมรสหวานที่ไม่เลี่ยนแต่อย่างใด ทว่าเมื่อเปลี่ยนดารานำหญิงในภาคสองหนังจึงกลายรสไปเป็นขมซะอย่างนั้นเนื่องจากเธอเล่นภาพยนตร์ได้แข็งยิ่งกว่าอะไรดีและที่สำคัญขอถามทีมงานหน่อยเถอะไปหาโลเคชั่นแถวไหนฟะถึงถ่ายพระราชวังเดนมาร์กให้แลดูคล้ายกับห้องแถวขายของชำไปซะได้

สรุปว่า ถ้าหากคุณหลงใหลได้ปลื้มและบูชาหนังภาคแรกว่าสนุก น่ารัก อบอุ่น ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะหยิบภาค 2 มาดูต่อ แต่คุณควรเลือกภาคนี้มาดูในกรณีที่ละครน้ำเน่าหลังข่าวมันตบกันจนจบแล้วอยากเข้านอนแต่นอนไม่หลับนี้คือยาขนานเอกที่จะพาคุณสู่ห้วงนิทรา



Urban Legends: Bloody Mary (ปลุกตำนานโหด 3: แรงผีแค้น)
กำกับโดย แมร์รี่ แลมเบิร์ต นำแสดง เคธ มารี่, โรเบิร์ต วีโต้, ทีน่า ลิฟฟอร์ด
ความเดิมตอนที่แล้วใน
Urban Legends, Urban Legends Final-Cut ภาคแรกเรื่องสยองขวัญเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยอิงแลนด์ เล่าถึงตำนานเล่าขานโบราณกำลังกลายมาเป็นเรื่องจริงเมื่อนักศึกษาถูกฆ่าตายไปทีละคน เหล่านักศึกษาเหล่านั้นจึงเริ่มออกตามหาความจริงแต่เมื่อยิ่งเข้าใกล้มากเพียงใดอันตรายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น ทางด้านภาคสองเล่าถึงเอมี่นักศึกษาสาขาภาพยนตร์ที่หยิบยกตำนานพื้นบ้านมาทำหนัง แต่ทว่าระหว่างถ่ายทำตำนานเหล่านั้นก็เริ่มฆ่าคนในกองถ่ายไปทีละคน

เรื่องย่อในภาค 3 ในปี 1969 แมรี่ แบนเนอร์โดนฆ่าตายอย่างสยดสยองจนเวลาล่วงเลยถึงปัจจุบันหญิงสาวกลุ่มหนึ่งพบว่ามีเหตุการณ์ฆาตกรรมแปลกประหลาดที่คล้ายคลึงกับในตำนาน พวกเขาจึงต้องร่วมมือกันค้นหาความจริงก่อนทุกอย่างจะสายเกินแก้

สร้างมาทำเพื่อ เพื่อรวมเป็นคอลเล็กชั่นหนังไตรภาค (ที่ไม่รู้ทำเพื่ออะไร) สืบเนื่องมาจากหนังภาคแรกเป็นหนังสยองขวัญไล่เชือดที่ดูสนุกและน่ากลัวก่อนจะโดนลดทอนความระทึกแต่ขายฉากชวนแหวะในภาคสองและกลายเป็น Scary Movie ไปในภาคสามเพราะเรื่องราวในภาคนี้นอกจากจะเละตุ้มเปะแล้วคนสร้างหนังเองก็คงสับสนว่าตัวเองกำลังทำหนังฆาตกรโรคจิตหรือหนังผีกันแน่เพราะหนังเล่นยำรวมมิตรกันไปหมดแถมอุตริสรรหาวิธีการเชือดตัวละครแบบประหลาดอาทิแมงมุมคลานเข้าไปในปากแล้วไชออกหู วิ่งชนกระจกตาย และอื่นๆที่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมบรรดาตัวละครในหนังถึงโง่กันนักวะเนี่ย ที่สำคัญหนังยังได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลโกลเดน ทริลเลอร์อวอร์ดในสาขา “ขยะยอดเยี่ยม” อีกด้วย

สรุปว่า ถ้าดูแบบไม่คิดอะไรตาม ย้ำไม่ให้คิดอะไรทั้งนั้นหนังเรื่องนี้จะเป็นความบันเทิงระดับเดียวกันกับ Scary Movie เลยทีเดียวเพราะหนังมีฉากฮาๆน้ำหูน้ำตาเล็ดมากมายถ้าอยากรู้ว่าเป็นเช่นไรเราแนะนำให้คุณลองหาตัวอย่างมันมาดูกันก่อนอาทิลองค้นหาใน YouTube ดูแล้วคุณจะพบกับความสยองขวัญที่พลันเป็นคามฮาในบัลดล


The Butterfly Effect 2 (เปลี่ยนตายไม่ให้ตาย 2)
กำกับโดย จอห์น อาร์ ลีโอ เนติ แสดง อีริค ลีฟวี เอริกา ดูแรน ดัสติน มิลลิแกน
ความเดิมตอนที่แล้วใน
The Butterfly Effect ในวัยเด็กอีแวน (แอชชัน คุชเชอร์) ต้องคอยพบจิตแพทย์เป็นประจำเนื่องจากความทรงจำของเขาจะขาดหายไปเป็นช่วงๆและเกิดอาการวูบแบบประหลาด ขณะที่ช่วงวัยรุ่นเขาพบกับสมุดโน้ตที่ทำให้ย้อนเวลากลับไปในช่วงความทรงจำที่ขาดหาย แต่แล้วอีแวนได้เปลี่ยนเหตุการณ์บางอย่างในอดีตโดยหารู้ไม่ว่าการกระทำนั้นทำให้เกิดหายนะตามมามากกว่าที่เขาคาดคิด

เรื่องย่อในภาค 2 นิค ลาร์สัน (เอริค ไลฟ์ลี่) กำลังไปได้ดีในเรื่องการงานและความรักทางด้านแฟนสาวจูลี่ (เอริก้า ดูแรน)ก็หวังไว้ว่าหลังจากแต่งงานแล้วเธอจะเปิดแกลลอรี่ส่วนตัว ทว่าทุกอย่างกลับพลิกพันเมื่อจูลี่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ทำให้นิคอยู่ในความเศร้าจนเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งปี เหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นเมื่อเขามองรูปถ่ายเขาจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้ แต่ทว่าทุกครั้งที่ย้อนเวลาไปก็เหมือนว่านิคจะยิ่งเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างให้แย่ลงเรื่อยๆ

สร้างมาทำเพื่อ ขายพล็อตเรื่องเก๋ๆกับการดัดแปลงเนื้อเรื่องให้ต่างจากเดิม แต่ที่น่าสนใจมากตรงที่ประเทศอเมริกาและโซนยุโรปหนังเรื่องนี้ถูกส่งตรงลงดีวีดี ทว่าประเทศไทยและโซนเอเชียกลับปูพรมแดงฉายจอภาพยนตร์เลยแต่นับว่ายังดีที่หนังในภาคนี้แม้ว่าจะเดินโครงเรื่องเดิมๆแต่ตัวหนังก็ยังมีลูกเล่นให้ผู้ชมแอบลุ้นได้ไปกับเรื่องราวชวนขบคิดและคาดเดาตอนจบไปต่างๆนาๆ

สรุปว่า หากคุณชอบความเก๋ในพล็อตเรื่องในภาคแรกแล้ว เรื่องในภาคสองก็ดูสนุกแม้ดีกรีดาราและความบันเทิงอาจจะเป็นรองภาคแรกอยู่ไม่น้อยทว่าหนังยังอุตสาห์ใส่ฉากประเภททำให้คนดูตาลุกวาวได้ไม่น้อยกว่า 2 ฉากจึงเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจว่าทำไมบางคนบอกว่าหนังภาคนี้ดูลุ้นกว่าภาคแรก (สงสัยด้วยเหตุผลนี้นี่เอง)


Species 3 (สายพันธุ์มฤตยู กำเนิดใหม่พันธุ์นรก)
กำกับโดย แบรด เทอร์เนอร์ แสดง นาตาชา เฮ็นสตริจ์ ซันนี่ แมบรี่ เอมิเลีย คุก
ความเดิมตอนที่แล้วใน
Species1-2 เมื่อนักวิทยาศาสตร์นำเชื้อของมนุษย์ผสมกับเอเลี่ยนกลายร่างเป็นอีฟ(นาตาชา เฮ็นสตริจ์) มนุษย์เอเลี่ยนสาว แต่การทดลองผิดพราดทำให้เธอหนีออกมาจากศูนย์วิจัยเพื่อแพร่พันธุ์มฤตยู ส่วนด้านภาคสองแพททริคนักบินอากาศที่ได้รับเชื้อมนุษย์ต่างดาว เมื่อกลับมายังโลกเขาออกผสมพันธุ์กับหญิงสาวเพื่อแพร่พันธุ์เอเลี่ยน ทางการจึงส่งอีฟพันธุ์ใหม่ที่มีความเป็นมนุษย์มากขึ้นออกตามหาแพททริคโดยหารู้ไม่ว่าสันชาตญาณเพศแม่ทำให้อีฟผลักดันให้เธอหนีไปกับเพททริคเพื่อขยายพันธุ์เอเลี่ยนที่สมบูรณ์แบบ

เรื่องย่อในภาค 3 การต่อสู้ของมนุษย์กับมนุษย์ครึ่งเอเลี่ยนยังคงดำเนินต่อแต่ความอ่อนแอของฝ่ายหลังทำให้มนุษย์ชนะเรื่อยไปจนกระทั่ง ซาร่าลูกสาวของอีฟถือกำเนิดขึ้นเป็นสายพันธุ์ที่แกร่งยิ่งกว่าเก่า เธอออกตามล่าหาคู่เพื่อแพร่เผ่าพันธุ์นั่นเป็นเหตุผลให้บรรดากองทัพต่างเร่งตามหาเธอเป็นการด่วน

สร้างมาทำเพื่อ ขายเรือนร่างของสตรีโดยเฉพาะเพราะสองภาคแรกได้ปั้นให้นาตาชา เฮ็นสตริจ์ กลายเป็นเซ็กซี่สตาร์ได้ภายหลังที่หนังออกฉาย(แต่ปัจจุบันหายไปไหนแล้วไม่ทราบ) ซีรีย์ไซไฟชุดนี้จึงเปรียบเหมือนการเฟ้นหาหญิงสาวหุ่นดี หน้าตาพอไปวัดไปวาได้มารับบทเอเลี่ยนเพศแม่จึงเป็นอะไรที่ยากเสียเหลือเกิ้น (ประชดเพราะใครอยากจะเกิดเปลืองตัวหน่อยก็ดังได้แล้ว) แต่เหนืออื่นใดดาราสาวอย่างซันนี่ แมบรี่ปัจจุบันนี้ก็รับจ้างเล่นซีรีย์ทั่วไปและหนังอีกหลายเรื่องที่จะฉายตามโรงในปีหน้า จึงไม่น่าแปลกใจว่าเสื้อผ้ายิ่งน้อยชิ้นยิ่งปั้นให้คนดังได้ในชั่วข้ามคืน (แต่อาชีพการงานจะยั่งยืนนั้นเป็นอีกเรื่องดู “น้องแนต”เป็นตัวอย่าง)

สรุป หนังดูสนุกได้อรรถรสไม่น้อยแม้เรื่องราวจะซ้ำซากไปหน่อยแต่อย่างน้อยมันก็เข้าข่ายหนังเกรดบีที่ขายความบันเทิงแบบเต็มๆ (เรือนรางสตรี ฉากแอคชั่นเวอร์ๆไร้เหตุผลรองรับ และตอนจบทิ้งท้ายในการสร้างภาคต่อได้ข่าวว่าภาคที่ 4 นั้นจะออกแผ่นในเร็ววัน ซึ่งนางเอกหน้าใหม่ที่มารับบทนี้คือ เฮเลน่า เมทสัน หน้าตาน่ารักทีเดียวล่ะ


Wrong Turn 2: Dead End (หวีด เขมือบคน 2)
กำกับ โจว์ ลินช์ แสดง เอริก้า เรียเซ่น เฮนรี่ โรวลิน แท็กซัส แบทเบิล
ความเดิมตอนที่แล้วใน
Wrong Turn กลุ่มเพื่อน 6 คนขับรถเลี้ยวมาผิดทาง ไม่ทันไรยางก็แตกแบบไม่ทราบสาเหตุ เมื่อพวกเขาออกขอความช่วยเหลือ เพื่อนๆก็เริ่มหายตัวไปอย่างลึกลับทีละคนก่อนการปรากฏตัวของมนุษย์กินคนที่ออกล่าเนื้อมนุษย์

เรื่องย่อในภาค 2 เมื่อรายการเรียลลิตี้นำผู้แข่งขันมาทิ้งไว้ในป่าเพื่อให้เอาชีวิตรอด โดยหารู้ไม่ว่าป่านี้เป็นที่อยู่ของมนุษย์กินคนกระหายเลือด บรรดาผู้แข่งขันจึงต้องเอาชีวิตรอดให้ได้ก่อนจะกลายเป็นอาหาร

สร้างมาทำเพื่อ เทิดทูนบูชาภาคต่อที่อุดมไปด้วยฉากชวนแหวะอาทิเอาขวานจามหัว มีดเสียบทะลุคอหอย เอาลวดหนามครูดผิวหนังออก ตัวประหลาดมีเซ็กส์กัน อูยรวมบรรดาฉากอุจาดตา ทุเรศทุรังไว้เป็นพะเรอเกวียน แต่อย่างไรก็ดีหนังภาคนี้กลับดูสนุกกว่าภาคแรกอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าโปรดักชั่นจะดูราคาถูกไปหน่อยก็ตามทีแต่ปริมาณเลือดในหนังเรียกได้ว่าถ้าจะมาทำก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตกนี่ ท่าทางจะไว้ขายได้อีกสักปีสองปีเลย

สรุปว่า ถ้าคุณเป็นสาวกหนังไล่เชือด เลือดสาดเรื่องนี้ไม่ควรพลาด (ปล.คุณภาพอาจะใกล้เคียงกับ The Hill Have Eyes 2 ถ้าคุณไม่ชอบเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ควรจะหยิบมาชม)


The Net 2.0 (เดอะเน็ท อินเตอร์เนทนรก 2)
กำกับ ชาร์ลส์ วิงค์เลอร์ แสดง นิคกี้ เดอโลช เดเม็ท แอ็คแบ็ก
ความเดิมตอนที่แล้วใน
The Net (ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับภาคนี้) แองเจล่า (แซนดร้า บูลล็อก) นักโปรแกรมเมอร์ขี้เหงาวันๆเอาแต่ทำงาน เธอจะพักผ่อนแค่เพียงไปออกเยี่ยมแม่และพูดคุยกับคนในอินเตอร์เน็ต จนกระทั่งวันหนึ่งเธอพบว่าข้อมูลทางตำรวจ, ประวัติและบัญชีต่างๆล้วนหายไปโดยไร้สาเหตุทำให้แองเจล่ากำลังตกอยู่ในอันตรายครั้งใหญ่หลวง

เรื่องย่อในภาค 2.0 โปรแกรมเมอร์สาวต้องพบกับอันตรายโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อเดินทางถึงอิสตันบูลเพื่อเริ่มงานใหม่เธอกลับพบว่าหลักฐานต่างๆที่บ่งชี้ความมีตัวตนของเธอกำลังถูกใครบางคนขโมยไป

สร้างมาทำเพื่อ ก็อปปี้เนื้อเรื่องทั้งหมดจากภาคแรกมาใส่ใหม่ในภาคสองเนื่องจากทั้งหมดทั้งมวลไร้ซึ่งความแปลกใหม่ ไร้ฉากระทึกไม่ติดเก้าอี้และที่สำคัญมันไม่ต่างอะไรจากภาคแรกเลยสักนิด

สรุป แล้วแต่วิจารณญาณ ถ้าหากยังไม่เคยชมภาคแรกคุณอาจจะบอกว่าหนังเรื่องนี้สนุกเป็นได้


ไม่มีความคิดเห็น: