วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ภาคต่อแบบนี้จะมีมาทำเพื่อ ? ตอนที่ 1

คุณเคยรู้สึกแปลกใจบ้างหรือไม่ที่หลังจากชมภาพยนตร์แล้วกลับรู้สึกว่ามันถึงสร้างขึ้นมาทำไม ?
คุณเคยรู้สึกหรือไม่ว่าทำไมหนังเรื่องนั้นๆถึงต้องสร้างภาคต่อขึ้นมาอีกในเมื่อภาพยนตร์เหล่านั้นจบลงอย่างบริบูรณ์ในตัวมันเองไปแล้ว
คุณเคยแปลกใจไหมว่าทำไมตัวเองเคยรู้จักภาพยนตร์เหล่านี้เป็นอย่างดี แต่เมื่อมันมีภาคต่อมาอีกทีกลับถูกลืมไปเสียดื้อๆ
แต่คุณจะแปลกใจหนักเข้าไปอีกเมื่อพบว่าหนังเหล่านี้มันมีภาคต่อด้วยเหรอ ?




เพราะว่าหลายครั้งที่คุณชมภาพยนตร์ทางจอหนัง คุณอาจจะรู้สึกว่าพล็อตเรื่อง นักแสดง หรือ เทคนิคพิเศษดูเฉียบ เก่ง เท่ มี สไตล์จนจดจำความ “โดดเด่น” เหล่านั้นสู่ห้วงคำนึงนึกคิด จนกระทั่งวันหนึ่ง สิ่งนั้นก็กลับมาอีกครั้งในรูปแบบที่ต่างออกไปนั่นคือแทนที่จะถูกฉายบนจอเงินกลับถูกลดสถานะมาอยู่แค่เพียงจอแก้วเท่านั้น เนื่องจากว่าหนังเหล่านั้นกลับมาในรูปโฉมใหม่คือในรูปแบบของแผ่นดีวีดี ที่เขียนปะหน้าปกว่ามันเป็นภาคต่อของหนัง”ยอดฮิต” เมื่อหลายปีก่อน



ทว่ามันจะมาอีท่าไหนต้องไปดูกัน................................................ ทั้งนี้เราจะประจานรายชื่อผู้มีส่วนร่วมในหนังเรื่องนั้นๆอีกด้วย แต่ทว่าคุณผู้อ่านรู้จักพวกเขากันรึเปล่า ?



House Of The Dead 2: Dead Aim (แพร่พันธุ์กองทัพผีนรก)
กำกับ มาร์ค เอ. อัลท์แมน แสดง เอ็นมานูเอล วอเกียร์, เอ็ด ควินน์
ความเดิมตอนที่แล้ว
(ซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกับภาคสอง)ใน House of the Dead (ศพสู้คน) กลุ่มเพื่อนนักศึกษารวมตัวเดินทางไปยังปาร์ตี้บนเกาะร้างแห่งหนึ่ง ทว่าสถานที่นี้ไม่ได้เพียงร้างผู้คนอย่างเดียว มันกลับไปด้วยฝูงผีดิบกระหายเลือดพร้อมออกไล่เชือดเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย


เรื่องย่อภาคนี้ ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ไกลชุมชน เชื้อซอมบี้กำลังระบาดไปทั่วจนเกินควบคุม รัฐบาลจึงส่งเจ้าหน้าที่มาเพื่อออกตามหา “คนไข้หมายเลขหนึ่ง” ต้นตอของไวรัสนรกที่ต้องการตัวมาสกัดยายั้บยั้งการขยายพันธุ์ อเล็กซ์และเอลลิส (ไม่เกี่ยวอะไรกับเอลวิส) ยังพบอีกว่าคนในกลุ่มของพวกเขามีแผนจะนำดีเอ็นเอของซอมบี้เหล่านี้ไปใช้ในทางชั่วร้ายอีกด้วย


สร้างมาทำเพื่อ เพื่อตอกย้ำว่าถ้าหากภาคแรกเป็นหนังที่ห่วยแล้ว แต่ภาคที่สองจะเป็นอะไรน่าตกใจมากเพราะว่ามันดูสนุกกว่าภาคแรกโขเพราะงานเมคอัพดูมีราศีขึ้นแยะ แถมฉากลุ้นระทึกก็พอลื่นไหลขึ้นแม้จะไม่ถึงขั้นสะดุ้งก็ตาม เพราะว่าภาคแรกถูกการันตีความย่ำแย่ด้วยการโดนตีตราว่ามันเป็นหนังห่วย แถมได้รางวัลอีกบนเวที Chainsaw ฐานะหนังเชือดยอดแย่อีกแหนะทำให้การขยับคุณภาพของหนังเรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจ (ที่น่าแปลกคือ สร้างมาทำไมเมื่อหนังภาคแรกมันโดนนักวิจารณ์ถล่มซะนรกแตกซะขนาดนั้น) ซึ่งผู้กำกับไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือ อูโว่ โบลล์ ผู้ที่กำลังจะโดนขนานนามว่า เอ็ด วูด สองในเร็ววัน


สรุปว่า สร้างมาเพื่อเป็นบรรทัดฐานว่าหนังห่วยสามารถพัฒนาคุณภาพได้ดีขึ้นได้(เล็กน้อย) ถ้าหากผู้กำกับไม่ใช่คุณพี่ อูโว่ โบลล์



I’ll Always Know What You Did Last Summer (ซัมเมอร์สยองต้องหวีด 3)
กำกับ ซิลเวน ไวท์ แสดง บรู๊ก เนวิน, เดวิด เพทคู, เบ็น อีสเตอร์, ดอน แชงค์
ความเดิมสองตอนที่แล้ว
(ซึ่งคล้ายๆกันกับภาคสาม) ใน I Know What You Did Last Summer และ I Still Know What You Did Last Summer กลุ่มเพื่อนรักสี่คนมีส่วนร่วมในการขับรถชนคนตายโดยไม่ได้เจตนา พวกเขาให้สัญญาว่าจะปกปิดความลับนี้กันไปจนวันตาย เวลาผ่านไปหนึ่งปีมีข้อความส่งถึงเพื่อนทุกคนในกลุ่มพร้อมกับการปรากฏตัวของชายมือตะขอ และอีกหนึ่งปีให้หลังจูลี่(เจนิเฟอร์ เลิฟ ฮิววิท)และเรย์(เฟรดดี้ ปรินท์ จูเนียร์) ผู้รอดชีวิตจากภาคแรกได้รับตั๋วท่องเที่ยวฟรีในรีสอร์ทกลางทะเลแต่แล้วพวกเขาก็ต้องพบว่ามันเป็นฝันร้ายเมื่อชายมือตะขอปรากฏตัวขึ้นเพื่อล้างแค้นอีกครั้ง



เรื่องย่อในภาคนี้ ความคะนองเริ่มต้นขึ้นเพื่อนห้าคนเลียนแบบเหตุการณ์สยองในวันชาติ 4 กรกฎาคมที่ทำให้เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มต้องตาย พวกเขาสัญญาว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับและไม่มีวันบอกใครจนกระทั่งหนึ่งปีผ่านไป เมื่อพวกเขาต่างก็ได้รับคำขู่จากใครคนหนึ่งที่แสดงตัวว่า”เกิดอะไรขึ้นเมื่อซัมเมอร์ก่อน” พวกเขาจะทำอย่างไร มิตรภาพระหว่างเพื่อนกำลังโดนทดสอบ


สร้างมาทำเพื่อ เพื่อสานต่อตำนานแห่งฆาตกรมือตะขอ จะว่าไปสองภาคแรกนั้นถูกสร้างขึ้นตามความฮิตของหนังไล่เชือดเรื่องก่อนหน้าอย่าง SCREAM ซึ่งภาคแรกโกยเงินได้เป็นกอบเป็นกำ เสียงวิจารณ์ออกไปทางบวก กลับกันกับภาคสองทำรายได้ประมาณ 24 ล้านเหรียญแถมคำวิจารณ์ก็เรียกได้ว่าย่ำแย่ แต่ก็คงไม่แย่ไปกว่าหนังในภาคที่สามเพราะนอกจากจะเดินเนื้อเรื่องไม่ต่างอะไรจากเดิมนัก แถมบทสนทนาในเรื่องก็เข้าขั้นยัดบทใส่ปากซะดื้อๆ ทว่าทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่เลวร้ายเท่าตอนจบเมื่อหนังเฉลยความจริงว่าตำนานชายมือตะขอนั้นแท้ที่จริงแล้วมัน..............


สรุปว่า ถ้าหากคุณถูกใจกับหนังสองภาคแรกแบบเดนตายแล้ว เราไม่แนะนำให้ชมภาคนี้เพราะดีกรีความลุ้นละทึกจะถูกลดลงประมาณครึ่งหนึ่งแต่ถ้าหากไม่เคยชมสองภาคแรกมาก่อน เราขอแนะนำให้หยิบภาคนี้เปิดก่อนเลยเพราะอะไรต้องหาคำตอบเอาเองแต่เตือนไว้ก่อนว่าความจริงเฉลยออกมาแล้วอย่ามาโทษกันนะว่า................โห ทำกันไปได้



Wild Things 2 (เกมซ่อนกล 2) แพ็คคู่มากับ Wild Things: Diamonds In The Rough (เกมส์ซ่อนกล 3)
ภาค 2 กำกับโดย แจ็ค เปเรซ แสดง ซูซาน วาร์ด, ไอเซย์ วอชิงตัน
ภาค 3 กำกับโดย เจย์ โลวิ แสดง ดีน่า เมเยอร์, แบรด จอห์นสัน, ซาร่า เลน
ความเดิมตอนที่แล้ว
(ซึ่งโดนเลียนแบบในสองภาคหลัง) ใน Wild Things เมื่ออาจารย์ชายในโรงเรียนไฮสคูลถูกกล่าวหาว่าข่มขืนนักเรียนสาว (เดนิส ริชาร์ด) และเพื่อนร่วมชั้น (เนฟท์ แคมเบลล์) จนนายตำรวจหนุ่ม (เควิน เบคอน) ต้องเข้ามาสืบสวน เมื่อยิ่งเข้าใกล้ความจริงก็ยิ่งพบว่าในคดีนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังจนน่าตื่นตระหนก ยิ่งไปกว่านั้นตัวของเขาเองก็ถูกดึงเข้าไปร่วมในวังวนแห่งอาชญากรรมเหนือคาดเดาครั้งนี้ด้วย


เรื่องย่อในภาคสอง บริทนีย์เด็กสาววัย 17 ปีที่คาดหวังมรดกจากพ่อบุญธรรมของเธอ แต่แล้วเรื่องไม่ธรรมดาก็เกิดขึ้นเมื่อตัวเธอไปมีสัมพันธ์รักไม่ธรรมดากับเพื่อนสาวร่วมห้อง ซึ่งในเบื้องลึกของจิตใจ เธอกลับเกลียดเพื่อนคนนี้อยู่ลึกๆ เมื่อเธอพบว่าแท้ที่จริงแล้วเพื่อนของเธอพยามอ้างสิทธิ์ในมรดกของพ่อบุญธรรม


เรื่องย่อในภาคสาม มารีสาวสวยวัย 17 (ทำไมต้องอายุเดิมตลอดฟะ) ได้พบกับเอลิน่า นักเรียนที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ เธอคือสาวเจ้าปัญหาที่กล่าวว่า เจย์ พ่อบุญธรรมของมารี ข่มขืนเธอ อีเลน่าเรียกร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนมหาศาล แต่ทว่าเบื้องลึกเบื้องหลังเหตุการณ์นี้จะมีใครอีกไหมที่มีส่วนร่วมอาชญากรรมครั้งนี้


สร้างมาทำเพื่อ เพื่อตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของเพศชาย (เฮ้ย ขนาดนั้น) เนื่องจากว่าเอกลักษณ์อันโดดเด่นของหนังชุดนี้มีด้วยกันสองประการ หนึ่งคือพล็อตเรื่องที่ยามหักมุมกันตลอดเวลาประมาณว่า ยัยหนูนั่นมาปล้ำกับคนนี้ ปล้ำเสร็จอีหนูแกก็ไปเล่นฉิ่งฉับกับอีกคน เสร็จแล้วอีหนูอีกคนก็ไปเล่นสวาทกับเฮียคนนั้นอีก อุรุงตุงนังสาละวันกันไปหมด หักมุมกันไปหักมุมกันมาจนจะหักขาตัวเองกันอยู่รอมร่อ ส่วนประการที่สองคือฉากมหัศจรรย์เหล่านั้นนั่นแหละจุดขายสำคัญเพราะหนังจะเน้นสัดส่วนของบรรดาสตรีเป็นพิเศษโดยเฉพาะในภาคแรกกับฉาก”เล่นหมู่”ของเดนิส ริชาร์ดกับเนฟฟ์ แคมเบลล์ ที่คุณผู้ชายทั้งหลายดูแล้วต้องครางกันเป็นทิวแถว ส่วนในภาคอื่นๆแม่ว่าดีกรีความร้อนแรงจะไม่เทียบเท่าแต่ก็ดูสนุกพอทำเนา


สรุปว่า ซีรีย์ชุดนี้จะดูภาคไหนก่อนก็ได้เพราะเนื้อเรื่องคล้ายกันซะจนแทบจะแยกไม่ออก แต่ถ้านับความสนุกที่สุดต้องภาคแรกเพราะได้ดาราชั้นฝีมือหลายคนมาประชันกันจน แถมล่อกันมันส์(เอ่อ ล่อกระสุนปืนนะท่าน อย่าคิดลึกเชียว) ซะทั้งเรื่อง



Bring it on 2 :Again (สาวเชียร์เท้าไฟหัวใจวี๊ดบึ้ม 2) แพ็คคู่มากับ Bring it on 3: All or Nothing (ลุ้นรักเชียร์ลีดเดอร์)
ภาค Again กำกับโดย เดม่อน ซานโตสทีฟาโน แสดง แอนน์ จัดสัน-เยเกอร์, บรี เทอร์นเนอร์
ภาค All or Nothing กำกับโดย สตีฟ แรชท์ แสดง เฮย์เดน เพเนทเทอร์รี่, เมอร์ซีย์ เรแลนด์
ความเดิมตอนที่แล้ว
ใน Bring It On ทอเรนท์ ชิพแมนคือหัวหน้าทีมเชียร์ลีดเดอร์ที่จงรักภักดีกับทีมของเธอเยี่ยงชีพ จนกระทั่งเธอพบว่ากัปตันคนเก่าของทีมดันไปลอกท่าของทีมโคลเวอร์ของคนผิวสีมา เธอแทบลมจับแต่ถึงอย่างไรก็ตามด้วยสปิริตอันแรงกล้า ทอเรนท์จึงต้องทำทุกวิถีทางที่จะพาทีมไปสู่ชัยชนะในการประกวดเชียร์ลีดเดอร์ระดับประเทศให้ได้


เรื่องย่อในภาค Again วิทเทอร์ เป็นนักเรียนใหม่ที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาในโรงเรียนไฮสคูลได้ไม่นานเธอพยามจะเข้าร่วมกลุ่มทีมเชียร์ลีดเดอร์ให้ได้แต่ กัปตันทีมจอมเผด็จการกลับกีดกันเธออย่างไม่ใยดี เธอเลยไปหาพรรคพวกรวมกลุ่มตั้งทีมเชียร์ขึ้นมาใหม่ซะเองเลย แล้วไปวัดกันว่าทีมไหนจะ
เจ๋งกว่ากัน


เรื่องย่อในภาค All or Nothing บริทนีย์เป็นกัปตันทีมเชียร์แห่ง แปซิฟิก วิสตาร์ ไฮสคูลแต่แล้วฟันของเธอที่ต้องพาทีมเข้าแข่งขันการประกวดเชียร์ลีดเดอร์ประกอบมิวสิควิดีโอของนักร้องสาวริฮาน่าต้องพังทลายเมื่อพ่อแม่ของเธอย้ายบ้านไปแถวลอสแองเจอลิส เธอต้องย้ายโรงเรียนไปยัง
แครนชอวส์ไฮสคูลซึ่งเต็มไปด้วยคนผิวสี ด้วยสัตย์ปฏิญาณว่าจะไม่ร่วมทีมเชียร์อีก ทำให้บริทนีย์ต้องตัดสินใจเลือกระหว่างคำสัญญาหรือว่าทำในสิ่งที่เธอรัก


สร้างมาทำเพื่อ เพื่อยกระดับว่าหนังในภาคแรกนั้นถึงแม้จะไม่ใช่หนังที่ดีแต่เป็นหนังที่ดูสนุกเอามากๆเลยทีเดียว ซึ่งแม้ว่าพล็อตเรื่องจะออกไก่กาอาราเล่ไปหน่อยก็ตามที่ว่าด้วยการชิงดีชิงเด่นระหว่างหญิงสาวสองกลุ่ม แต่นัยยะลึกของทุกภาคสะท้อนให้เห็นถึงความสามัคคีในหมู่คณะพร้อมยังจรรโลงสังคมด้วยการบอกผ่านการรวมแรงร่วมใจเป็นอันเดียว แต่อีกประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือเรื่องความไม่เท่าเทียมกันของคนในสังคมซึ่งภาคแรกแสดงถึงความแตกต่างระหว่างผิวสี ภาคที่สองคือการให้ความสำคัญกับค่านิยมที่ผิด ส่วนภาคที่สามคือการกระชับมิตรระหว่างคนทุกผิวสี ทุกระดับให้เป็นหนึ่งเดียว
สิ่งที่ไม่จางหายไปจากหนังทั้งสามภาคคือ เพลงสนุกๆ ท่าเต้นสะเด็ดสะเด่าของสาวในเรื่องที่ทั้งส่าย สะโพกโยกย้ายจน มองแล้วตาลายไปหมด


สรุปว่า หนังเชียร์ลีดเดอร์ชุดนี้มองก็ได้ชมก็ดีเพราะแต่ละภาคต่างสนุกไปคนละแบบ ซึ่งเรียงลำดับได้ดังนี้คือภาคแรกนั้นดูสนุกที่สุด (โปรดักชั่นอลังการ ท่าเต้นสวย ฮา ดาราน่ารัก) ตามมาด้วยภาคที่สาม (ฮาทุกมุข แม้ตัวละครจะไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ เพลงเร้าใจและที่สำคัญนักร้องสาวริฮานา มาร่วมแจมกับบทเล็กๆในหนังด้วย) ส่วนด้อยสุดคงเป็นภาคสองที่ได้แต่นำฉากเด่นในภาคแรกมาปรับเปลี่ยนใหม่แต่มุขต่างๆก็เลยดูเดิมๆไม่ค่อยขบขันเท่าที่ควร



Cube 2: Hypercube (ไฮเปอร์คิวบ์ มิติซ่อนนรก) แพ็คคู่ Cube Zero (กำเนิดลูกบาศก์มรณะ)
ภาค 2 กำกับโดย แอนเดรีซ เซกูล่า นำแสดง คาร์รีย์ แมนเชท, เกอร์เรียน วินท์ เดวิด
ภาค zero กำกับโดย เออร์นีย์ บาร์บาเรท นำแสดง แซคคารี่ แบนเนท, เดวิท ฮับแบน
ความเดิมตอนที่แล้วใน
Cube (สี่ซ้อน สี่หนี กับมรณะ) คนกลุ่มหนึ่งตื่นขึ้นมาท่ามกลางห้องสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ แต่ละห้องเชื่อมต่อกันเสมือนเขาวงกตที่ไร้ทางออก อีกทั้งยังเต็มไปด้วยกับดักสุดอันตราย เพราะถ้าพวกเขาพลาดเมื่อใดนั่นหมายถึงชีวิตของพวกเขาต้องจบลงเช่นกัน


เรื่องย่อในภาค 2 คนแปลกหน้า 8 คนตื่นขึ้นมาท่ามกลางสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ที่มีความแปลกประหลาดนั่นคือพวกเขารู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างทุกห้องสี่เหลี่ยมรายล้อมไปด้วยกับดักนานาชนิดและยิ่งพวกเขาพยามจะแก้ไขปริศนานี่มาขึ้นเพียง พวกเขายิ่งกลับพบว่าสถานที่แห่งนี้ใช้ทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์ใดๆมาอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้เลย


เรื่องย่อในภาค Zero ย้อนกลับไปถึงต้นกำเนิดลูกบาศก์มรณะ เรสน์ตื่นขึ้นท่ามกลางเขาวงกตสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ก่อนจะพบกับนักโทษคนอื่นๆ ซึ่งพวกเขาต้องคอยหลบเลี่ยงกับดักรอบๆตัวพวกเขา ขณะเดียวกันผู้ดูเหตุการณ์อย่างวินน์ กลับแอบหลงรักเรสน์จนพยามช่วยเหลือเธอทุกวิถีทาง จนสุดท้ายตัวเขาเองกับลอบเข้าไปในเดอะคิวป์ด้วย ทว่าการลงไปช่วยเธอในครั้งนี้เท่ากับว่าเขาจะติดอยู่ข้างในและอาจไม่มีวันได้ออกมาอีกต่อไป


สร้างมาทำเพื่อ ทั้งภาคสองและศูนย์พยามสร้างขึ้นเพื่อพยามอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในภาคแรกโดยไม่สามารถเหตุผลมารองรับได้ ซึ่งปมประเด็นในภาคแรกอาจจะได้รับการอธิบายไม่กระจ่างชัดแต่มันกลับถูกแทนที่ด้วยความกดดันประสาทผู้ชมชนิดอึดอัดสุดฤทธิ์ ในขณะที่ภาคสองเป็นเรื่องราวที่แตกประเด็นมามากกว่าจะนั่งอธิบายเหตุการณ์บางอย่างซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ได้ชมต่างบอกว่า “ยิ่งดูภาคนี้ ยิ่งงงหนักกว่าเดิม” ซะงั้นไป แต่ขณะเดียวกันภาคศูนย์กลับสามารถเล่าถึงที่มาที่ไปของเดอะ คิวป์ได้แบบคลุมเครือให้ตีความกันต่อเอาเอง


สรุปว่า แฟนหนังไซ-ไฟไม่ว่าขาจรหรือเดนตายก็ตามควรหาชมหนังเรื่องนี้อย่างยิ่ง โดยเฉพาะภาคแรกที่กำกับโดยแวนโช่ นาตาลี ซึ่งสามารถสร้างสถานการณ์ปิดล้อมให้กับตัวละครที่อับจนหนทางได้เป็นอย่างดี ช่วยกระตุ้นต่อมอะดีนารีนชนิดฉีดพล่าน ส่วนภาคสองและสามก็ควรหามาดูอีกเช่นกันเพื่อลับสมองกันอีกต่อหนึ่งและถึงแม้ว่าจะสู้ภาคแรกไม่ได้เท่าใดก็ตาม


(โปรดติดตามตอนที่ 2)




1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

The History of the Casino - One of the Most Popular Casinos
A relative newcomer to the world of 오래된 토토 사이트 online gambling, Wynn Las 도레미시디 출장샵 Vegas opened its doors to casinosites.one a new audience of over 600,000 worrione.com in 2017. This was the first casino